หนึ่งในสิ่งที่จำเป็นที่สุดที่คุณจะต้องทำในฐานะเทรดเดอร์เป็นการค้นหาหรือระบุว่าตลาดกำลังจะมีแนวโน้มหรือเปล่า คำตอบสำหรับสิ่งนี้จะมากำครั้งดขั้นตอนการที่ทำให้ท่านใช้ประโยชน์กับตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดใดก็ตาม โดยเหตุนี้ก็เลยเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณควรต้องเข้าใจในเรื่องกระบวนการแบ่งตลาดที่มีลัษณะทิศทางให้ออกจากตลาดที่ไม่มีแนวโน้มหรือตลาด SIDE WAY ให้ได้

ถ้าเกิดคุณกำลังงงมากกับประเด็นนี้หรือคุณยังใหม่กับการเทรดในตลาดแผนภูมิราคา เนื้อหานี้จะมีผลให้มีความรู้ความสามารถที่เด่นชัดขึ้น แยกเป็นสามเรื่องสำคัญๆดังต่อไปนี้:

การมองหาแบบอย่าง PATTERN ของชาร์ตราคาที่มีลักษณะท่าทาง

ลำดับแรกสุดที่ใช้กันมานานตรงเวลาหลายถึงหลายๆปีด้วยเหตุผลที่ดีเยี่ยมรวมทั้งมันยังคงใช้เห็นผล แนวทางที่ฉันถูกใจที่สุดสำหรับการพิเคราะห์ว่าตลาดมีทิศทางไหมนั้นเป็นมองที่สวิงของแผนภูมิราคาในตลาดนั้นอย่างง่ายๆฉันมองหาแบบอย่างการทำซ้ำๆของ HIGHER HIGHS (HH) และก็ HIGHER LOWS (HL) ในตลาดที่มีลักษณะท่าทางสูงมากขึ้นรวมทั้ง LOWER HIGHS (LH) แล้วก็ LOWER LOWS (LL) ในตลาดที่มีลักษณะท่าทางลดลง

นี่เป็นแบบอย่างของตลาดที่เห็นได้ชัดว่ามีลัษณะทิศทางต่ำลงอย่างชัดเจนจากแบบอย่างวิธีการทำซ้ำของ LOWER HIGHS (LH) และก็ LOWER LOWS (LL)

และก็นี่เป็นแบบอย่างของตลาดที่เห็นได้ชัดว่ามีลักษณะท่าทางสูงมากขึ้นจากที่มองเห็นได้จากแบบอย่างแนวทางการทำซ้ำของ HIGHER HIGHS แล้วก็ HIGHER LOWS

เทคนิค: จำนวนมากแล้วก็ให้เทรดเดอร์ชอบมีปริศนาว่า จะทราบได้ยังไงเมื่อมีเทรนด์ใหม่เริ่มขึ้นหรือเทรนด์เก่าได้จบลง ให้ท่านใช้เคล็ดลับเดียวกันนี้เพื่อค้นหาแบบอย่างการเคลื่อนไหวของราคาของสวิง HH HL หรือ LH LL ได้ เช่นเมื่อคุณมองเห็นลักษณะของ HH แล้วก็ HL ถูกสอดแทรกหรือถูก BREAK โดยแผนภูมิราคาทำตำแหน่ง LH โน่น! นับว่าเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าแนวโน้มขาขึ้นบางครั้งอาจจะจบแล้ว
สำหรับเพื่อการพิเคราะห์ว่าเทรนด์ขาขึ้นได้สิ้นสุดลงแล้วแล้วก็เทรนด์ขาลงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนั้นเป็นพวกเราจำต้องมองเห็นลักษณะของ LH แล้วก็ LL อย่างต่ำหนึ่งครั้งซึ่งก็กล่าวได้ว่าเมื่อราคาสร้าง LOWER HIGH อันแรก (เพราะฉะนั้นมันก็เลยไม่อาจจะสร้าง HIGHHER HIGH ได้อีก) พวกเราจำเป็นที่จะต้องมองว่ามันเป็น LOWER LOW ที่ตามมาด้วย LOWER HIGH ใช่หรือเปล่า ถ้าเกิดใช่พวกเราก็สามารถเริ่มที่จะมองหาการเทรด SELL ได้

การมองหาต้นแบบที่เป็นระดับขนานกัน

พวกเราสามารถใช้ระดับแนวรับและก็แนวต้านทานสำคัญ เพื่อพินิจว่าตลาดมีลักษณะท่าทางหรือเปล่า กรรมวิธีการฐานรากเป็นการมองหาราคาที่แจ่มกระจ่างระหว่างระดับที่ขนานกัน ถ้าเกิดมีการย้อนกลับไประหว่างสองระดับที่ขนานกัน คุณก็จะได้ตลาดที่มีขอบเขต ไม่ใช่ตลาดที่มีลักษณะท่าทาง

ตลาดที่ไม่มีแนวโน้มหรือตลาด SIDE WAY มีสองจำพวก

• CHOPPY ONE – แผนภูมิราคามีการขยับเขยื้อนที่เร็วมากแม้กระนั้นเป็นแบบ SIDE WAY
• RANGE-BOUND ONE – แผนภูมิราคามีการขยับเขยื้อนในแบบมีกรอบขอบเขต

ในแบบอย่างข้างล่างพวกเราจะมีความคิดเห็นว่าแผนภูมิราคาโดยธรรมดาขยับเขยื้อนไปข้างๆระหว่างแนวรับกับแนวต่อต้านแม้กระนั้นโปรดสังเกตว่าแผนภูมิราคาจะไม่ถึงระดับกลุ่มนี้เสมอ อย่างแน่แท้แม้กระนั้นถ้าหากการเคลื่อนไหวทั่วๆไปยังเป็นไปในด้านข้างระหว่างสองระดับที่เห็นได้ชัด พอๆกับว่าคุณพบตลาดที่ไม่มีแนวโน้มหรือตลาด SIDE WAY แล้ว

การมองหาแบบด้วย เส้นค่าถัวเฉลี่ยราคาเคลื่อนหรือ EMA

แนวทางต่อไปที่พวกเราสามารถใช้เพื่อจำแนกตลาดที่มีลัษณะทิศทางออกมาจากตลาดที่ไม่มีแนวโน้มได้เป็นการใช้อินดิเคเตอร์เส้นค่าถัวเฉลี่ยราคาเขยื้อน เส้นค่าถัวเฉลี่ยนี้ทำให้เห็นภาพได้ง่ายมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ริเริ่ม แม้กระนั้นพวกเขาต้องใช้ร่วมกับแนวทางการดูต้นแบบแท่งเทียนด้วย ฉันชอบใช้ค่าถัวเฉลี่ยเขยื้อนแบบ EXPONENTIAL MOVING AVERAGE 8 รวมทั้ง 21 ในกรอบเวลารายวัน โดยใช้เป็นแถวทางขั้นแรกสำหรับเพื่อการมองหาเทรนด์รวมทั้งมองหาพื้นที่โซนแนวรับ แนวต้านทานด้วย

โดยปกติมีสองสิ่งที่จะต้องมองหาเมื่อใช้เส้นค่าถัวเฉลี่ยราคานี้ เพื่อแยกความไม่เหมือนระหว่างตลาดที่มีลักษณะท่าทางจากตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม หนึ่งเป็นแนวทางของการ CROSS กัน แล้วเส้นค่าถัวเฉลี่ยสองเส้นนี้จะ CROSS ขึ้นหรือลงกันแน่? – ตอบ: ฉันใช้ CROSSOVER เพื่อระบุแนวทางเพียงแค่นั้นฉันมิได้ใช้ในระบบการ CROSSOVER ของเส้นค่าถัวเฉลี่ยราคาเพื่อเป็นจุดเข้าเทรดแบบเริ่มแรกที่มีฉันรูบางคนสอนไว้
สิ่งลำดับที่สองที่จำต้องมองหาเป็นถ้าเกิดเส้นค่าถัวเฉลี่ยราคาขับเคลื่อนออกมาจากกัน เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่บ่งถึงว่าตลาดกำลังที่มีลัษณะทิศทางเข้มแข็งมากมาย แม้กระนั้นคุณต้องรวมเรื่องเส้นค่าถัวเฉลี่ยราคากับวิธีการดูต้นแบบแท่งเทียนด้วย ด้วยเหตุว่าครั้งคราวเส้นค่าถัวเฉลี่ยราคาเพียงอย่างเดียวบางทีก็อาจจะหลอกคุณได้ ในตัวเส้นค่าถัวเฉลี่ยราคา EMA นี้จะแทนค่าของโซนแนวรับ แนวต้านทานแบบไดนามิกหรืออาจทำเป็นเลเยอร์ๆได้ในระหว่างพื้นที่ของเส้นค่าถัวเฉลี่ยราคาทั้งคู่ค่า ได้แก่ในเลเยอร์ช่องของ EMA 8 รวมทั้ง 21 พวกเราสามารถมองหาสัญญาณของต้นแบบแท่งเทียนนี้ได้เมื่อแผนภูมิราคามีการย้อนกลับไปที่ช่องอีกรอบโดยการเข้าเทรดควรต้องสอดคล้องกับแนวโน้ม

ปัญหาหลักสำหรับในการใช้ค่าถัวเฉลี่ยราคาสำหรับในการเจาะจงแนวโน้มเป็น ในตลาดที่มีขอบเขต พวกเขาสามารถหลอกคุณได้นี่เป็นเหตุผลที่คุณจำต้องใช้ขั้นตอนการมองหาต้นแบบแท่งเทียนในพื้นฐานเพื่อปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวกรองสำหรับเส้นค่าถัวเฉลี่ยราคานี้อีกครั้งหนึ่ง ดังเช่นในกรอบของตลาดที่มีขอบเขตดังที่ชี้แจงเอาไว้ภายในข้อ 2 ข้างต้น ถ้าหากคุณใส่เส้นค่าถัวเฉลี่ยราคาเข้าไป หากเส้นดังกล่าวข้างต้นมีการ CROSS UP หรือ CROSS DOWN ตามแผนภูมิราคาที่สวิงไป สวิงมา ในช่องระดับขนานกันเกิดขึ้นรวมทั้งหากคุณประพฤติตามเส้นค่าถัวเฉลี่ยราคานี้ทุกคราว คุณจะถูกเหวี่ยงไป มาโดยตลอด โดยเหตุนี้ฉันถูกใจวิธีแรกมากยิ่งกว่าแต่ว่าสำหรับเส้นค่าถัวเฉลี่ยราคา บางทีอาจเป็นส่วนเสริมที่ดีของเคล็ดลับแรก

การแยกตลาดที่มีทิศทางกับตลาดที่ไม่มีแนวโน้ม

ถ้าหากให้เลือกเทรดในตลาดใด ตลาดหนึ่ง ตลาดที่มีลักษณะท่าทางยังคงเป็นเพื่อนกับคุณอยู่ตลอดแล้วก็คุณยังคงอยากความแจ่มชัดว่าตลาดมีเทรนด์ไหม ก่อนที่จะคุณจะเริ่มกระทำการเทรดอะไรก็ตามแยกให้ออกระหว่างสองตลาดเพื่อคุณสามารถเปลี่ยนแปลงช่องทางสำหรับการเข้าเทรดให้ได้ เมื่อคุณสามารถแยกได้เด่นชัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณจะเริ่มจับเทรนด์ใหญ่ขึ้นเพื่อการเทรดที่มีผลกำไรเพิ่มมากขึ้น

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here